1. ประโยคที่ว่า “บุคลิกดีมีชัยไปกว่าครึ่ง” นิสิตเห็นด้วยหรือไม่ จงให้เหตุผล Weblog
ตอบ เห็นด้วย เพราะว่าคนเราไม่สามารถที่จะเลือกเกิดได้แต่สามารถที่จะทำให้ตัวเองดูดีได้ ดั่งสำนวนสุภาษิตที่ว่า ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง การที่คนเรามีบุคลิกภาพดีนั้นถือว่าเป็นการสร้างจิตสำนึกในงานบริการได้ดี และการมีบุคลิกภาพที่ดีสามารถบอกเกี่ยวกับการทำงานบางอย่าง เช่น การเตรียมความพร้อมที่มีต่อการทำงาน เป็นผู้พร้อมที่จะรับผิดชอบงานในทุกรูปแบบ พร้อมที่จะเผชิญปัญหา และอุปสรรคนานาประการ รวมถึงมีความพร้อมต่อการสร้างปฏิสัมพันธ์และการพูดคุยกับผู้อื่น เพราะฉะนั้นบุคลิกภาพจึงเป็นเหมือนภาพลักษณ์ภายนอกที่สำคัญ ถือว่าเป็นหน้าตาและกระจกส่องภาพพจน์ของตัวเอง การสร้างบุคลิกภาพที่ดีของตนเองนั้นไม่ยาก ขึ้นอยู่กับความพร้อมและความต้องการโดยมีเทคนิคและหลักการปฏิบัติง่ายๆ ดังนี้
1. การจัดทรงผม
คงจะเป็นเรื่องแน่ถ้าคุณเดินเข้าห้องประชุม หรือไปพบลูกค้าปรากฏว่าผมคุณไม่ได้หวี คุณลองคิดดูว่าฝ่ายตรงข้ามจะคิดอย่างไร? ซึ่งในบางครั้งคุณอาจเสียลูกค้าไปเลยก็ได้ โดยมีวิธีพัฒนาตัวเองดังนี้ ก่อนออกจากบ้านทุกครั้งตรวจดูทรงผมว่าเรียบร้อยหรือยัง และจัดทรงผมให้เหมาะสมกับกาลเทศะ โอกาส และบุคลิกภาพของตนเองด้วย
2. การแต่งกาย
การแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ย มีกลิ่นเหม็นอับ เสื้อผ้าที่เซ็กซี่เกินไป การแต่งตัวเช่นนี้ทำให้คนอื่นคิดมากไปต่างๆ นาๆ หรือลูกค้าบางคนไม่ชอบก็จะทำให้ไม่ได้อยากพูดคุยด้วยก็เป็นได้ โดยมีแนวทางในการพัฒนาตนเองดังนี้ ควรเลือกเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับรูปร่าง และบุคลิกลักษณะของตน โดยดูความเหมาะสมของบุคคลและสถานที่ที่คุณจะไปด้วย นอกจากนี้ควรดูสภาพเสื้อผ้าที่แต่งด้วย คือควรรีดและจัดเสื้อให้เรียบร้อย ที่สำคัญไม่ควรให้ผ้าเหม็นอับหรือมีกลิ่นไม่พึงประสงค์
3. การเดิน นั่ง และยืน
ลักษณะการเดิน นั่ง และยืน สามารถบอกได้ถึงนิสัยของตัวคุณเองว่าเป็นคนอย่างไร มีอารมณ์ ความรู้สึก และความต้องการเป็นอย่างไร ซึ่งบางคนเดินห่อไหล่ ทำให้ดูไม่มั่นใจในตนเอง ไม่กล้าแสดงออก หลักง่ายๆ ในการเดิน นั่ง และยืนที่ดูดีก็คือ ยืดตัว หน้าตรง เดินแกว่งแขนไปมาเล็กน้อย เพราะการที่เราเดิน นั่ง และยืนถูกลักษณะนอกจากจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของตนเองแล้วยังมีผลต่อสุขภาพของคุณเองอีกด้วย
4. การใช้คำพูด และน้ำเสียง
การใช้คำพูด และน้ำเสียงนั้นมีความสำคัญยิ่งกว่าสายตาที่จ้องมองคู่สนทนาซะอีก เพราะการใช้น้ำเสียง และคำพูดที่ไม่ถูกกาลเทศะจะทำให้ความหมายที่สื่อออกมาผิด ยิ่งเป็นคนที่ไม่สุภาพด้วยแล้ว จะทำให้คนอื่นมองเราเป็นคนก้าวร้าว สักแต่ว่าจะพูด โดยสามารถพัฒนาตัวเองได้ดังนี้ นิ่งเงียบ ใช้สถานการณ์ของการเงียบสยบความรู้สึก เพราะการที่ไม่พูดจะดีกว่าพูดออกมา แต่ถ้าทนไม่ไหวจริงๆ ก็ให้เลือกใช้คำพูดแบบบัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่นจะดีกว่า คือ หลีกเลี่ยงการใช้คำพูดที่ดูถูกดูหมิ่น เหน็บแนม หรือใช้คำพูดก้าวร้าว
2. ถ้านิสิตเป็นคนมีรูปร่างอ้วนควรแต่งกายอย่างไร พร้อมภาพประกอบ ลงใน Weblog
ตอบ
- สวมใส่เสื้อผ้าให้พอดีตัว ไม่หลวมหรือฟิตเกินไป
- เสื้อผ้าควรเป็นลายแนวตั้ง
- ไม่ควรสวมเสื้อคอเต่า บริเวณคอควรเปิด
- ไม่สวมใส่เสื้อผ้าหลายชิ้น ให้ดูรุงรัง หรือสวมใส่เครื่องประดับมากมาย
- กระโปรงไม่ควรใส่กระโปรงบานย้วย ควรเป็นทรงสอบ หรือ พอดีตัว
- กางเกงควรเป็นขาทรงกระบอก หรือ ขาม้าเล็กน้อย
- รองเท้าควรใส่แบบมีส้น อาจจะ 1 นิ้วขึ้นไป
- สวมเสื้อผ้าที่เสริมไหล่
- ควรเป็นเสื้อผ้าเนื้อเรียบ เบาบาง
- เสื้อควรเป็นคอวี
- ผ้าสีเข้ม ช่วยให้ดูผอม
- ส่งที่ต้องห้ามสำหรับคนอ้วนก็คือเสื้อผ้ามันวาว ๆ เพราะความมันวาว จะขยายทุกอย่าง
ทำให้ มันดูใหญ่โต ขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
- ไม่ควรเอาเสื้อใส่ในกางเกง หรือกระโปรงเพราะจะยิ่งเน้นสัดส่วนมากขึ้น
4. ถ้านิสิตได้รับมอบหมายให้แต่งกายในวันเปิดตัวแถลงข่าววีดิทัศน์หนังสั้น นิสิตจะแต่งกายอย่างไร
ตอบ
- สวมเสื้อผ้าให้พอดีกับรูปร่าง ไม่คับหรือหลวมเกินไป ไม่ควรใส่เสื้อยืด หรือกางเกงยีนส์
- ควรใส่กระโปรงยาวได้ระดับพอดี ไม่ใช้แบบย้วยหรือพลิ้วบาง ไม่มีสีสันหรือลวดลายมาก
เกิน ไป
- ควรแต่งหน้าให้มีสีสันบางเล็กน้อย แต่ไม่ควรแต่งหน้าเข้มจนเกินไปหรือไม่ได้แต่งหน้าเลย
- ควรใส่รองเท้าแบบรัดส้น ไม่ใส่รองเท้าแบบแตะ
- ถ้าไว้ผมยาว ควรมัดผมให้เรียบร้อยหรือติดกิ๊บ เพื่อไม่ให้ผมปรกหน้าเวลาแถลงข่าว
** และที่สำคัญเราอาจจะแต่งกายชุดนิสิตก็ได้ เพราะการใส่ชุดนิสิตนักศึกษา ดูมีความสุภาพ สะอาดเรียบร้อย และถูกต้อง สร้างความภาคภูมิใจ เวลาใส่แล้วรู้สึกว่า มันมาจากความสามารถของเราที่ก้าวมาถึงขั้นนี้ และถือว่าเป็นเครื่องแบบอันทรงเกียรติบ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของนิสิตนักศึกษาไทยอีกด้วย